ปานวดี ดรปัญญา 52011010561 กลุ่มเรียนที่ 13 วิชาอิเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน 0012006

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

พระนอนหงาย จ.สุพรรณบุรี

พระนอนหงาย สุพรรณบุรี



พระนอนหงาย สุพรรณบุรี
พระนอน ปางหนึ่งของตำนานการสร้างพระพุทธรูป เป็นเครื่องรำลึกถึงและเคารพบูชาถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคราวเสด็จปรินิพพาน ทุกถิ่นมีตำนานพระนอนทุกรูปตะแคงขวาเรียกว่าสีหไสยาสน์ ใครจะเชื่อว่า ที่สุพรรณบุรีจังหวัดนี้มีพระนอนหงายให้เป็นที่อัศจรรย์กว่าที่ใด

วันเวลาที่แนะนำ
พระนอนหงายสามารถชมได้ทุกวัน

การเดินทาง
จากสุพรรณบุรีไปตามทางหลวงหมายเลข 3507 ประมาณ 12 กิโลเมตร ถึงวัดพระนอนวังมัจฉา
สุพรรณบุรี

    เป็นเมืองสมัยโบราณ จึงเป็นเมืองที่มีวัดมากมาย เหมาะแก่เป็นเมืองพุทธอย่างยิ่ง สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ พิพิธภัณฑ์สถานชาวนาไทย วัดพระรูปมีพระพุทธบาทไม้ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วัดคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณบุรี วัดพระนอน มีพระพุทธรูปในลักษณะนอนหงายสร้างเท่าคนโบราณ มีลักษณะเหมือนกับพระนอนที่เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า สระศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในหกสระที่ใช้ในพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา
ที่มา : http://www.unseenthailand.net/portfolio/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5

สระมรกต สระน้ำสวยใสใจกลางป่า

สระมรกต Unseen in Thailand 


สระมรกต สระน้ำสวยใสกลางใจป่า กำเนิดมาจากธารน้ำอุ่นในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ 
แหล่งสุดท้ายที่พบ นกแต้วแร้วท้องดำ ซึ่งเคยสูญพันธ์ไปนานเกือบ 100 ปี 
ใครจะรู้บ้างไหมว่า ใจกลางป่าผืนนี้มีทั้งสระน้ำสวยใส และนกหายากอยู่รวมกัน 

ป่าเขานอจู้จี้ 
ป่าดินที่ราบต่ำผืนสุดท้ายของเมืองไทย ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ 
มีสภาพเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ แบ่งเป็นป่าดงดิบชื้น และบางส่วนที่เป็นป่าพรุที่มี 
น้ำท่วมขังทั้งปี สามารถท่องเที่ยวได้สะดวกด้วยการเดินตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 
ดูพรรณไม้ที่น่าสนใจ เช่น ต้นเตียว ต้นชิง ฯลฯ นอกจากนั้น ที่นี่ยังเป็นแหล่งดูนก 
ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย โดยมีนกกว่า 300 ชนิด มีนกที่หายากและสูญพันธุ์ 
จากโลกนี้ไปแล้วเกือบ 100 ปี ซึ่งกลับมาค้นพบที่นี่คือ นกแต้วแร้วท้องดำ 
และเป็นแหล่งที่มีสระน้ำสวยใสหลายแห่ง อันเกิดมาจากธารน้ำอุ่น ที่สำคัญคือ 
สระมรกต ที่มีน้ำใสเป็นสีเขียวอมฟ้า เปลี่ยนสีไปได้ตามวันเวลา และสภาพแสง 

วันเวลาที่แนะนำ 
สระมรกต สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีแต่สภาพที่ดีซึ่งจะเห็นสระเป็นสีเขียวมรกตสดใส 
มักจะเป็นช่วงเวลาเช้า และเย็น โดยเฉพาะในวันฤดูร้อนที่ท้องฟ้าสดใสปราศจากเมฆฝน 

การเดินทาง 
จากจังหวัดกระบี่ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 สู่อำเภอคลองท่อม แยกซ้ายมือทางหลวง 
หมายเลข 4038 มุ่งหน้าอำเภอลำทับ ระหว่างทางมีทางแยกขวามือเป็นทางย่อยแยก 
เข้าสู่น้ำตกร้อน และสระมรกตที่มีป้ายบอกทางชัดเจน 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท. ภาคใต้ เขต 4 
โทร. 0-7621-1036, 0-7621-2213, 0-7621-7138 

พระผุด จ.ภูเก็ต

พระผุด จ.ภูเก็ต





     พระทองของดีคู่บ้านคู่เมืองชาวภูเก็ต เป็นพระประธานที่กล่าวขานกันว่าไม่มีเหมือนที่ใดในโลก ใครทุกข์โศกไปกราบไหว้ก็สัมฤิทธิ์ผลดลบันดาลให้ตามปรารถนา ใครจะเชื่อว่า พระผุดนี้จะมีแค่ครึ่งองค์ ยิ่งมองจึงยิ่งเหมือน องค์พระแทรกปฐพีผุดขึ้นมาให้เห็นเป็นบุญตา

วันเวลาที่แนะนำ พระผุด สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งอยู่ใกล้กับที่ว่าการอำเภอถลาง
การเดินทาง จากจังหวัดภูเก็ตใช้ทางหลวงหมายเลข 402 ถึงอำเภอ ถลาง แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปยังวัดพระผุดพระทอง มีป้ายบอกชัดเจน
 
ภูเก็ต
ไม่ใช่เป็นเพียงเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่เป็นที่รู้จักกว้างขวางในนาม “ไข่มุกอันดามัน” เป็นจังหวัดทางใต้ที่มีชื่อเสียงเป็นที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว ทั้งแหลมพรหมเทพ จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในประเทศไทย หาดทรายขาว สวย วัดเก่าแก่อย่างวัดฉลอง ประเพณีอย่างเทศกาลกินเจ แหล่งธรรมชาติอย่างอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และหมู่เกาะราชาใหญ่ เกาะโหลน เกาะไม้ท่อน เกาะเฮ และแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนตามหาดต่างๆ ภูเก็ตแฟนตาซี ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
ที่มา : http://www.unseentourthailand.com/pgallery/?module=gallery&action=info&cate_id=77&id=1009&page=2

เขาตาม่องล่าย จ.ประจวบคีรีขันธ์

เขาตาม่องล่าย อำเภอเมืองฯ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์



รายละเอียดแหล่งท่องเที่ยว
        เขาตาม่องล่ายอยู่ด้านเหนือของอ่าวประจวบ ตามตำนานชาวบ้านกล่าวว่า มีสามีภรรยาคู่หนึ่งคือ ตาม่องล่ายกับยายรำพึง มีลูกสาวชื่อยมโดย ฝ่ายแม่ยกลูกสาวให้กับเจ้าลาย ชายชาวเมืองเพชร ส่วนตาม่องล่ายกลับยกนางยมโดยให้กับพระเจ้ากรุงจีน ขบวนขันหมากของ
ทั้งสองฝ่ายมาถึงพร้อมกัน ตาม่องล่ายกับยายรำพึงจึงทะเลาะกัน ตาม่องลายโกรธจัด จับลูกสาวฉีกเป็นสองส่วนขว้างลงทะเลกลายเป็นเกาะนมสาว ข้าวของขันหมากที่ทั้งสองขว้างใส่กัน ตกลงทะเลกลายเป็นเกาะต่างๆ เช่น เขาล้อมหมวก แหลมงอบ เกาะสาก ยายรำพึงเสียใจจนตายกลายเป็นเขาแม่รำพึง ส่วนตาม่องล่ายคว้าไหเหล้ามานั่งดื่มจนตายกลายเป็นเขาตาม่องล่ายจนทุกวันนี้
วนอุทยานตาม่องล่าย มีพื้นที่ 862 ไร่ กรมป่าไม้ได้ประกาศให้เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ 11 กันยายน 2540 อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 290 - 320 เมตร เป็นเขาติดต่อกัน 2 เทือก พื้นที่ส่วนใหญ่ยื่นเข้าไปในทะเล เป็นหน้าผาสูงชัน ประกอบด้วยป่าเบญจพรรณและป่าชายกาด มีไม้ไผ่รวกจำนวนมาก นอกนี้ยังมีตะแบก ตะเคียนทอง เสลา โกงกาง แสม และผักบุ้งทะเล มีสัตว์ป่าบางชนิด เช่น เลียงผา หมูป่า กระจง อีเห็น เสือป่า และไก่ป่า อาศัยอยู่ ภายในวนอุทยานฯ ไม่มีบ้านพัก แต่สามารถนำเต็นท์ไปกางเองได้ โดยขออนุญาตใช้สถานที่กางเต็นท์ได้กับเจ้าหน้าที่วนอุทยานโดยตรง

ที่พักและร้านอาหาร



สินค้า 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (OTOP)
1. สบู่สมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ใช้สมุนไพรจากธรรมชาติผสมน้ำมันหอมระเหย ปราศจากสารกันบูด หรือสารที่ทำให้เกิดฟอง สามารถประยุกต์ใช้กับการบำบัดผ่อนคลายแบบสปาได้ ผลิตโดยกลุ่มชาวบ้านในตำบลหนองตาแต้ม อำเภอปราณบุรี 
2. กล่องที่ระลึก ทำจากกระดาษใยสับปะรด เป็นกล่องใส่ของอเนกประสงค์ ตกแต่งลวดลายสวยงาม และยังมีแบบที่ทำเป็นรูปสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองไทย เป็นสินค้าที่แสดงเอกลักษณ์ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ดี ผลิตโดย กลุ่มสับปะรด 2001 ใน ตำบลหนองตาแต้ม อำเภอปราณบุรี

การเดินทาง
จากรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ผ่านสมุทรสงครามแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านเพชรบุรีสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงสี่แยกปั๊มปตท.กลางเมืองประจวบ เลี้ยวซ้ายตามถนนสวนสนวิ่งเลียบอ่าวประจวบ ถนนจะไปสุดทางที่เขาตาม่องล่าย



ข้อมูลการติดต่อ
สำนักงาน ททท. ภาคกลาง เขต 2 โทรศัพท์ 0 3247 1005 และ ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยว (Call Center) 1147
สำนักบริหารจัดการในพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (เพชรบุรี) ต. อ่าวน้อย อ. เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ. ประจวบคีรีขันธ์ 
โทรศัพท์/โทรสาร 0 3243 3658
ที่มา : http://www.unseentourthailand.com/link/unseenthailand/gr01_c05.html

น้ำพุร้อนโป่งเดือด จ.เชียงใหม่

น้ำพุร้อนโป่งเดือด อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่




รายละเอียดแหล่งท่องเที่ยว
      โป่งเดือดอยู่ในเขตบ้านแม่แสะ อำเภอแม่แตง เป็นน้ำพุร้อนประเภทที่ทางธรณีวิทยาเรียกว่า 'กีเซอร์' (Geyser) หรือน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นสูงจากพื้นดินเป็นช่วงๆ ตามแรงดันใต้ผิวดิน ซึ่งมีปริมาณมากกว่าบ่อน้ำร้อน (Hot pool) ซึ่งเป็นเพียงน้ำผุดขึ้นมาเท่านั้น โป่งเดือดมีบ่อขนาดใหญ่ 3 บ่อและบ่อใหญ่สุดจะมีน้ำพุพุ่งสูงขึ้นมาประมาณ 2 เมตร ทุก 30 วินาที มีความร้อนประมาณ 99 องศาเซลเซียส ใกล้บ่อใหญ่มีห้องอาบน้ำซึ่งนำน้ำร้อนจากโป่งเดือดผ่านท่อเข้ามา โดยน้ำพุร้อนมีคุณสมบัติบำรุงรักษาผิวพรรณได้ดี โป่งเดือดนี้เป็นน้ำพุร้อนประเภทกีเซอร์ซึ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทย

        น้ำพุร้อนจะพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินตลอดเวลา มีกลิ่นของกำมะถันอ่อนๆ เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติโป่งเดือด ซึ่งมีระยะทางไกลประมาณ 1,550 เมตร ความลาดชันปานกลาง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง มีจุดศึกษาธรรมชาติ 11 จุด มีบริการอาบน้ำแร่เพื่อสุขภาพ มีบริการศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

        อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง หมู่ที่ 5 ต. กึ๊ดช้าง อ. แม่แตง จ. เชียงใหม่ 50300 มีเนื้อที่ครอบคลุมหลายอำเภอ ป่าไม้มีสภาพสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำของลำห้วยมากมาย ทิวทัศน์สวยงามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะบริเวณห้วยน้ำดัง ที่มีจุดชมวิวชมทะเลหมอกที่ขึ้นชื่อ ภูเขาที่ซับซ้อน สูงจากระดับน้ำทะเล 400 - 1,962 เมตร ภูเขาที่สูงที่สุด คือ ดอยช้าง พื้นที่ป่าดงดิบและป่าเบญจพรรณนี้ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าจำนวนมาก มีช่วงฤดูร้อนอุณหภูมิถึง 36 องศาเซสเซียส ฤดูหนาว อุณหภูมิประมาณ 14 องศาเซลเซียส และมีปริมาณฝนมากในฤดูฝน
         การท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานฯ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกชื่นชมกับบรรยากาศด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเดินป่า ขี่ช้าง ขี่จักรยาน ล่องแพ ดูตก เล่นน้ำตก อาบน้ำแร่ ทั้งนี้ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้โดยตรง ในอุทยานฯ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เปิดทุกวันเวลา 8.00 - 16.30 น. มีร้านอาหาร/ร้านขายเครื่องดื่มบริการนักท่องเที่ยวด้วย และมีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยว บริเวณที่ทำการ - ดอยกิ่วลม - บ้านห้วยดัง และบริเวณหน่วยพิทักษ์ที่ 1 - โป่งเดือด - บ้านห้วยดัง โดยต้องติดต่อสำรองห้องพักล่วงหน้าที่ 02 562 0760 นอกจากนี้ ยังมีบริการเต็นท์ และสถานที่กางเต็นท์ อัตราค่าบริการอยู่ระหว่าง 250 - 800 บาท แตกต่างกันตามขนาดของเต็นท์และอุปกรณ์ กรณีที่นำเต็นท์ไปเอง ต้องเสียค่าธรรมเนียมสถานที่ 30 บาท/ คน/ คืน ชุดเครื่องนอนมีบริการให้เช่าในอัตรา 150-200 บาท/ ชุด/ คืน


ที่พักและร้านอาหาร

สินค้า 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (OTOP)
1. ตุ๊กตาดินเผาเด็กล้านนาไทย ด้วยดินแห่งอำเภอสันทรายที่ไม่มีการเติมสีสันใดๆ ทว่าใส่ความประณีตด้วยฝีมือการปั้นและวาดลาย ตุ๊กตาดินเผาจึงดูงดงามด้วยลักษณะท่าทางของรูปปั้นเด็กน้อยก็ดูราวกับมีชีวิต

2. ผ้าซิ่นตีนจก เดิมการทอผ้าซิ่นของชาวอำเภอแม่แจ่ม ผลิตเพื่อใช้เองและเก็บอีกผืนหนึ่งไว้สำหรับใช้ในโลกหน้า ความงดงามของลายซิ่นตีนจกของแม่แจ่มได้ขจรไปไกล เป็นที่ต้องการของผู้นิยมในเสน่ห์ของผ้าพื้นเมืองยิ่งนัก

การเดินทาง
จากเชียงใหม่ใช้เส้นทางหมายเลข 1095 (แม่แตง-แม่มาลัย) ถึงกิโลเมตรที่ 44 ให้แยกซ้ายไปตามถนนลูกรังเข้าสู่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ 1 (ห้วยน้ำดัง) อีกประมาณ 6.5 กิโลเมตร

ข้อมูลการติดต่อ
อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง โทรศัพท์ 0 5347 1669, สำนักงาน ททท. ภาคเหนือ เขต 1 โทรศัพท์ 0 5324 8604 และ 0 5324 8607 และ ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยว ( Call Center) 1147
ที่มา : http://www.unseentourthailand.com/link/unseenthailand/gr01_n02.html

ผจญภัยในเขาวงกต สวนหินผางาม จังหวัดเลย

สวนหินผางาม กิ่งอำเภอหนองหิน จังหวัดเลย

รายละเอียดแหล่งท่องเที่ยว
              แนวผาหินปูนสูงใหญ่แลดูเป็นสง่า ทอดตัวเป็นแนวยาว โดดเด่นท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี พื้นที่บริเวณนี้คือที่ตั้งของสวนหินผางามเมืองเลย ภายในมีเส้นทางเดินสลับซับซ้อน บางช่วงดูลึกลับตื่นเต้นคล้ายกับผจญภัยอยู่ในเขาวงกต บางช่วงต้องปีนป่ายเพิงหิน หรืออาจต้องมุดลอดโพรงถ้ำ นอกจากนี้ตลอดเส้นทางยังมีโอกาสพบเห็นต้นไม้หายาก และต้นไม้ยักษ์ อย่างปรงเขาที่มีอายุหลายร้อยปี
สวนหินแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่บ้านผางาม หมู่ 10 ตำบลปวนพุ กิ่งอำเภอหนองหิน แยกจากทางหลวงสายเมืองเลยชุมแพ ช่วงระหว่างอำเภอวังสะพุงกับภูกระดึง เข้าไปทางทิศตะวันตกตามถนนลาดยางตลอดสาย ผ่านหมู่บ้านต่างๆ ประมาณ 15 กม. จะมีป้ายบอกทางตลอดทางจนถึงบริเวณทุ่งหญ้าพื้นที่กว้างพอสมควร มีภูเขาแท่งหินปูน ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อยู่กระจายเป็นลูกๆ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง สลับกันไป บางลูกก็สามารถเดินผ่านทะลุได้ จะมีชื่อเรียกต่างๆกันตามลักษณะรูปร่างที่ปรากฎ เช่น หินไดโนเสาร์ หน้าผาท้อแท้ ซุ้มคารวะ ถ้ำอรทัย เขาวงกต เจดีย์หิน กรอบรูปธรรมชาติ กำแพงเมืองจีน ประตูโขง หินมงกุฎ สวนหิน ซุ้มนรก รูรันตู(รูตัน) มีต้นไม้นานาพันธ์ขึ้นแซม ซึ่งพบต้นไม้หายากและต้นไม้ยักษ์อย่างปรงเขาที่มีอายุหลายร้อยปี จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่าคุนมิงเมืองเลย สันนิษฐานกันว่าในอดีตเคยเป็นพื้นของท้องทะเลมาก่อน และมีอายุมากว่า 225 ล้านปี ภายในมีทางเดินสลับซับซ้อน บางช่วงดูลึกลับน่าตื่นเต้นคล้ายกับผจญภัยอยู่ในเขาวงกต บางช่วงต้องปีนป่ายเพิงหิน หรืออาจต้องมุดลอดโพรงถ้ำ
ในบริเวณ มีสถานีบริการนักท่องเที่ยว ที่จอดรถ ห้องน้ำ ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ที่สถานีบริการนักท่องเที่ยวมีบริการนำทางและให้คำบรรยาย ค่าบริการเพียง 100 บาทต่อนักท่องเที่ยวหนึ่งคณะ มีจุดชมวิวเพื่อถ่ายภาพยอดเขาคุนหมิงเมืองเลยไว้เป็นที่ระลึก หลังจากนั้นเดินลงบันไดทางด้านหลังเขา ซึ่งเป็นบริเวณที่ตั้งของร้านค้า ฝั่งตรงข้ามจะปากทางเข้าถ้ำลอด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งมีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง ได้แก่ อุโมงค์ลานเพลิน 7 สี ป่าเฟิร์นที่บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย หินยาย หินตา ซึ่งตั้งชื่อตามลักษณะที่ปรากฏอีกเช่นกัน

ที่พักและร้านอาหาร

สินค้า 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (OTOP)
ผลิตภัณฑ์ผีตาโขน จัดทำขึ้นเป็นรูปแบบต่างๆ ทั้งเซรามิค ตัวหุ่น และพิมพ์บนผืนผ้า เป็นสินค้าที่ระลึกขึ้นชื่อของชาวจังหวัดเลย มีจำหน่ายทั่วไปในตัวเมือง และมีมากที่อำเภอด่านซ้าย

การเดินทาง
จากอำเภอวังสะพุง ใช้ทางหลวงหมายเลข 201 ไปทางกิ่งอำเภอหนองหิน ถึงตลาดหนองหิน เลี้ยวขวาเข้าถนนสายหนองหิน-สวนผางาม ประมาณ 18 กิโลเมตร เลยบ้านผางาม แยกขวามือ เข้าไปอีกราว 500 เมตร


การติดต่อ
ติดต่อผู้นำชมที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของ อบต.หนองหิน โทรศัพท์ 0 1462 1719 และศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว จังหวัดเลย
โทรศัพท์ 0 4281 2812 หรือ ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยว (Call Center) 1147 หรือที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวสวนหินผางาม โทรศัพท์ 0 4280 1900

ข้อแนะนำ
นักท่องเที่ยวควรแต่งกายทะมัดทะแมง และใช้ความระมัดระวังในการเดินชม ใช้เวลาในการชมราวชั่วโมงเศษ ติดต่อผู้นำชมที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ของ อบต.หนองหิน โทรศัพท์ 0 1462 1719 เข้าชมได้ครั้งละ 10-15 คน
ที่มา : http://www.unseentourthailand.com/link/unseenthailand/gr02_ne01.html

ค่ายบางกุ้ง, สมุทรคราม (หนึ่งในหลายๆ Unseen Thailand)

ค่ายบางกุ้ง, สมุทรคราม 


      ค่ายบางกุ้ง เป็นค่ายทหารเรือไทยที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายที่ค่ายบางกุ้ง เรียกว่า "ค่ายบางกุง้" โดยสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งให้อยู่กลางค่าย เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นที่เคารพบูชาของทหาร ภายหลังเสียกรุงครั้งที่ 2 ค่ายบางกุ้งก็ร้างไปจนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรี เป็นราชธานีจึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ชาวจีนจากระยอง ชลบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรีรวบรวมผู้คนมาตั้งกองทหารรักษาค่าย จึงมีชื่อเรียกอีกหนึ่งว่า "ค่ายจีนบางกุ้ง" ในปี พ.ศ. 2311 พระเจ้ากรุงอังวะทรงยกทัพผ่านกาญจนบุรีมาล้อมค่ายจีนบางกุ้ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระมหามนตรี (บุญมา) เป็นแม่ทัพยกไปช่วยเหลือทหารจีนขับไล่กองทัพพม่าทำให้ข้าศึกแตกพ่าย หลังจากนั้นค่ายบางกุ้งแห่งนี้ก็ถูกปล่อยให้รกร้างเกือบ 200 ปี จนมาถึง พ.ศ.2510 กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ตั้งเป็นค่ายลูกเสือขึ้น (ปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว) และได้สร้างศาลพระเจ้าตากสินไว้เป็นอนุสรณ์


สิ่งที่น่าสนใจ

โบสถ์ปรกโพธิ์
เป็นอุโบสถหลังเดิมที่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จะถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ทั้งโพ ไทร ไกร และกร่าง มองจากภายนอกคิดว่าเป็นกลุ่มต้นไม้ใหญ่ มากกว่ามีโบสถ์อยู่ข้างใน รากไม้เหล่านี้ช่วยให้โบสถ์คงรูปอยู่ได้ ทั้งยังให้ความขรึมขลังอีกด้วย ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐาน ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโบสถ์น้อย (หลวงพ่อนิลมณี) และเรียกโบสถ์ว่า "โบสถ์ปรกโพธิ์" และมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง สมัยปลายกรุศรีอยุธยาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ


วัดบางกุ้ง 
เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน อยู่คนละฝั่งกับค่ายบางกุ้งโดยมีถนนผ่านกลาง สิ่งที่น่าสนใจในวัดนี้ได้แก่ คัมภีร์โบราณ ส่วนมากจะเป็นตำรายาโบราณ และบริเวณหน้าวัดด้านที่ติดกับแม่น้ำแม่กลอง จะมีปลาน้ำจืดต่างๆ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จนได้ชื่อว่า "วังมัจฉา"

การเดินทาง

ทางรถยนต์

จากตัวเมืองสมุทรสงคราม ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 325 (แม่กลอง-อัมพวา) ประมาณ 5 กม. เลยวัดบางกะพ้อม (ยังไม่ถึงตลาดอัมพวา) ให้สังเกตทางแยกซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง(สะพานสมเด็จพระศรีสุริเยนทร์) ตรงไปถึง ถึงสามแยกเลี้ยวขวา ตรงไปผ่านวัดภุมรินทร์ จนถึงสามแยก (มีวัดบางแคใหญ่อยู่ขวามือ) เลี้ยวขวา ตรงไปผ่านวัดบางแคน้อย วัดปากน้ำ ข้ามสะพานคลองแควอ้อม สังเกตค่ายบางกุ้งอยู่ซ้ายมือ จะเห็นแนวกำแพงของค่าย

รถประจำทาง
จากตัวเมืองสมุทรสงคราม นั่งรถโดยสารสองแถว สายแม่กลอง-วัดปราโมทย์ คิวรถอยู่บริเวณธนาคารนครหลวงไทย สาขาสมุทรสงคราม รถจะวิ่งผ่านค่าย
ที่มา: http://www.thai-tour.com/thai-tour/central/samutsongkram/data/place/pic_bangkung-camp.htm

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่


:: อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ::
          มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 179.5 ตารางกิโลเมตร หรือ 112,187.5 ไร่ ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาและภูเขาสูงสลับซับซ้อนมีภูเขาที่สูงที่สุดคือ ดอยช้าง เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีลำห้วยน้อยใหญ่มากมาย

          การเดินทาง จากแม่ฮ่องสอน ใช้ทางหลวงหมายเลข 1095 ผ่านอำเภอปาย ถึงกิโลเมตรที่ 65 - 66 มีทางแยกเข้าไปประมาณ 6 กิโลเมตร จะถึงบริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีบริการบ้านพักแก่นักท่องเที่ยว สอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทร 0 2562 0760 หรือ www.dnp.go.th

          สิ่งที่น่าสนใจในอุทยานฯ
- จุดชมวิวบริเวณห้วยน้ำดัง ( ดอยกิ่วลม )
เป็นที่ตั้งของหน่วยพัฒนาต้นน้ำที่ 2 ( ห้วยน้ำดัง ) เป็นจุดพระอาทิตย์ขึ้นและชมทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาวที่สวยงามและมีชื่อเสียงมาก


- จุดชมวิวดอยช้าง
ห่างจากที่ทำการฯ ไปตามถนนลูกรังประามณ 20 กิโลเมตร เป็นจุดชมทิวเขาอันสลับซับซ้อนและทะเลหมอกในฤดูหนาว เป็นแหล่งอาศัย ของนกบนที่สูงนานาชนิด เช่น นกเดินดง นกจับแมลง นกเขน นกปรอด ฯลฯ นับเป็นแหล่งดูนกที่น่าสนใจมากแหล่งหนึ่ง

- ห้วยน้ำรูและดอยสามหมื่น
เดินทางจากดอยช้างไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร จะถึงห้วยน้ำรูลักษณะเป็นตาน้ำเล็กๆ ที่สร้างความชุ่มชื่นให้แก่ผืนป่าและเป็นต้นน้ำของลำน้ำแม่แตง ที่ไหลลงสู่แม่น้ำปิงส่วนดอยสามหมื่นเป็นที่ตั้งของหน่วยจัดการต้นน้ำซึ่ง มีจุดชมทิวทัศน์อยู่บนยอดดอย

ตัวอย่างวิดีโอ : บรรยากาศภาพรวม




หมวดหมู่ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ข้อมูลจาก : http://www.phudoilay.com/north/chiangmai/Huai_Nam_Dung.php

เที่ยว หัวหิน สูดกลิ่นธรรมชาติ บรรยากาศแสนดี


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม 
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ททท.  และ คุณ OaddybeinG   

         "หัวหิน" นับเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย จากแต่เดิมที่เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง และได้ถูกเปลี่ยนแปลงจนกลายมาเป็นสถานที่พักผ่อนติดทะเล ที่ติดอันดับความนิยมของประเทศในตอนนี้ (วู้ว... สุดยอด !!) ปัจจุบัน "หัวหิน" มีที่พัก รีสอร์ท และโรงแรมชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ทของชาวบ้านเอง หรือรีสอร์ทที่เป็นระดับห้าดาว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เสน่ห์ของหัวหินยังคงเป็นเอกลักษณ์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อนตลอดทั้งปี...  

 หัวหิน... หัวหิน... หัวหิน... เมื่อพูดถึง "หัวหิน" หลายคนมักนึกถึงแต่ทะเล เที่ยวทะเล... เที่ยวทะเล... เที่ยวทะเล... แต่จริงๆ แล้ว "หัวหิน" ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอบเมืองอีกมากมายนะคะ ว่าแล้วเราไปดูกันดีกว่าว่ามีที่ไหนน่าเที่ยวกันบ้าง...


พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน   

          รัชกาลที่ 6 โปรดให้รื้อพระตำหนักหาดเจ้าสำราญมาปลูกขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2466 ได้รับขนานนามว่า "พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง" ลักษณะเป็นพระตำหนักไม้สองชั้น หันหน้าออกสู่ทะเล พระตำหนักฝ่ายในอยู่ปีกขวา ทางปีกซ้ายเป็นส่วนของฝ่ายหน้า ประกอบด้วยพระที่นั่งสามองค์เชื่อมต่อถึงกันโดยตลอด "พระที่นั่งสุนทรพิมาน" เป็นที่ประทับของพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระวรชายา "พระที่นั่งพิศาลสาคร" เป็นที่ประทับของพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 

          เป็นหมู่พระที่นั่งตรงกลางประกอบด้วยห้องต่างๆ สำหรับสำราญพระอิริยาบถ ห้องพักข้าราชบริพารที่คอยรับใช้ใกล้ชิด ห้องทรงพระอักษร และ "พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ " เป็นอาคารโถงสองชั้นเปิดโล่งใช้เป็นที่ประชุมในโอกาสต่างๆ และเป็นโรงละคร ซึ่งเคยจัดแสดงละครครั้งสำคัญ 2 ครั้ง คือ เรื่องพระร่วง และวิวาห์พระสมุทร  

          พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00 - 16.00 น. สำหรับผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะ ต้องทำหนังสือถึงผู้กำกับการกองบังคับการฝึกพิเศษ ค่ายพระรามหก อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โทร. (032) 471388 , 471130

พระราชวังบ้านปืน  

          พระราชวังบ้านปืน หรือ พระรามราชนิเวศน์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ให้สร้างด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นพระราชนิเวศน์ สำหรับประทับแรมในฤดูฝนทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อที่จากราษฎร และให้จอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้า บริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นแม่กองจัดการก่อสร้าง สร้างแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ออกแบบโดยมิสเตอร์คาลเดอริง ชาวเยอรมัน 

          เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2452 แล้วเสร็จในปี  พ.ศ. 2459 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท และทรงเปลี่ยนเป็น"พระรามราชนิเวศน์" ปี พ.ศ. 2461 ใช้เป็นที่รับรองแขกเมือง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนผู้กำกับลูกเสือ โรงเรียนฝึกหัดครูเกษตรกรรม โรงเรียนประชาบาลประจำตำบล ฯลฯ  

          การเข้าชมต้องทำหนังสือล่วงหน้าถึงผู้บังคับการจังหวัดทหารบก กองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 11 อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี 76000 หรืออาจติดต่อที่ป้อมยามแลกบัตรเพื่อขอเข้าชมอย่างไม่เป็นทางการ


สถานีรถไฟหัวหิน (พลับพลาสถานีรถไฟ)  

          "สถานีรถไฟหัวหิน" เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดของไทย สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานีรถไฟแห่งนี้ คือ พลับพลาในแบบสถาปัตยกรรมไทยเด่นสะดุดตา ซึ่งได้ย้ายมาจากพระราชวังสนามจันทน์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 มีความสวยงามทางด้านสถาปัตย์และศิลป์ ซึ่งใครที่เห็นจะรู้สึกประทับใจ สถานียังคงเปิดให้บริการจวบจนทุกวันนี้ (ว้าว...) 

เขาหินเหล็กไฟ 

          จุดชมวิวตัวเมืองและอ่าวหัวหินที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ประกอบด้วยจุดชมวิวหลายจุด ที่สำคัญคือเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ ยังมีศูนย์สินค้าพื้นเมือง สวนนก ร้านขายอาหาร และเครื่องดื่ม เป็นต้น ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองหัวหินไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3 ก.ม. ช่วงเวลาที่เหมาะต่อการชมพระอาทิตย์ คือ ช่วงเช้าตรู่ และยังมีสวนสาธารณะไม้ดอก สวนผีเสื้อ อยู่บนเขา และมีจุดชมวิวเห็นตัวเมืองหัวหิน สนามกอลฟ์ และทะเล (ยืนชมวิวกับคนรักก็เก๋ไม่เบา อิอิ)


เขาตะเกียบ เขาไกรลาส 

          อยู่ห่างจากตัวอำเภอหัวหินไปทางทิศใต้ประมาณ 14 กิโลเมตร เป็นภูเขา 2 ลูกที่อยู่ใกล้กัน บน เขาตะเกียบ มีวัดตั้งอยู่ ซึ่งยื่นออกไปในทะเล มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ เป็นจุดที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพอ่าวหัวหินที่งดงามมากจุดหนึ่ง รอบเขาตะเกียบนี้มีที่พักและร้านอาหารให้บริการหลายแห่ง นอกจากนี้ เขาตะเกียบ ยังมีโขดหินที่ยื่นออกไปในทะเล มีความสวยงามเหมาะกับการพักผ่อนเป็นที่สุด และยังมีจุดชมวิวสวย ๆ อีกด้วย

เขาช่องกระจก  

          อยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัด แม้จะสูงชันแต่มีบันไดขึ้นไปจนถึงยอดเขา แต่ขึ้นไปแล้วรับรองคุ้มค่า เพราะจะได้เห็นทิวทัศน์ของตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ และทางทิศเหนือของภูเขาลูกนี้มีช่องคล้ายกรอบกระจก จึงเรียกว่า "เขาช่องกระจก" ที่สำคัญบนเขานี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธบาทจำลองด้วย

หาดสวนสนประดิพัทธ์  

          อยู่ห่างจากหัวหินไปทางทิศใต้ประมาณ 9 กิโลเมตร โดยมีทางแยกจากถนนเพชรเกษมที่ กม. 240 เข้าไปประมาณ 500 เมตร มีรถโดยสารจากหัวหินไปยังสวนสนทุก 20 นาที บริเวณชายหาดมีที่พักลักษณะเป็นบังกะโล เรือนแถว และห้องพัก ไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย 
หาดหัวหิน

          อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของตัวเมือง มีทางลงหาดอยู่ที่ถนนดำเนินเกษม สองข้างทางลงหาดมีโรงแรมและร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก หาดหัวหิน มีความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ทรายขาวละเอียดเหมาะสำหรับเล่นน้ำทะเล เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักตากอากาศ ที่มีชื่อเสียงแห่งแรกของเมืองไทย ด้วยน้ำทะเลใส ทรายสะอาด บรรยากาศดี จึงเป็นที่ใฝ่ฝัน และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมานานทุกยุคทุกสมัย 

ตลาดโต้รุ่งหัวหิน  

          นับเป็นสีสันยามราตรีของหัวหิน ทุกเย็นมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนไปเสมอ เพราะเป็นแหล่งรวมแผงอาหารนานาชนิด ทั้งอาหารไทย อาหารทะเล ขนมไทย โรตีแขก ปรุงสด ๆ ให้เลือกสรร นอกจากนั้นยังมีของที่ระลึกจำหน่ายมากมาย 

เกาะสิงโต  

          ตั้งอยู่ห่างจากฝั่งสวนสนประมาณ 800 เมตร เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีผู้นิยมไปตกปลาและดำน้ำ ติดต่อเช่าเรือได้ที่หมู่บ้านเขาตะเกียบ 

น้ำตกป่าละอู  

          น้ำตกสวยงามขนาด15 ชั้น กลางป่าดิบชื้นอันอุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่ในเขตตำบลหนองพลับ อ.หัวหิน ห่างจากตัวเมืองหัวหินไปทางทิศตะวันตกประมาณ 60 กิโลเมตร ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีน้ำไหลตลอดปี เป็นแหล่งที่มีผีเสื้อชุกชุม ช่วงเวลาที่เหมาะต่อการท่องเที่ยว คือ ช่วงเช้าตรู่ ประมาณ 07.00 - 10.00 น. เนื่องจากอากาศเย็นสบายและมีโอกาสพบสัตว์ป่า รวมทั้งนกหายากหลายชนิด เช่น นกเงือก 


อุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด

          ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของกิ่งอำเภอสามร้อยยอด ตามตำนานเล่าว่าเดิมเคยเป็นทะเลที่มีเกาะแก่งมากมาย เรือสำเภาจีนเดินทางค้าขายผ่านมาและเกิดอัปปางลง ลูกเรือว่ายน้ำหนีขึ้นฝั่งรอดชีวิต 300 คน จึงตั้งชื่อว่า "เขาสามร้อยรอด" แล้วเพี้ยนมาเป็น "เขาสามร้อยยอด" ซึ่งพ้องกับลักษณะ 4 ภูมิประเทศ ที่เป็นเขาหินปูนมากมายนับไม่ถ้วนนั่นเอง เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรก 

          ด้วยเนื้อที่ 98 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศประกอบด้วยเทือกเขาหินปูนสลับซับซ้อน ลำคลอง และที่ราบน้ำท่วมถึง เกิดเป็นทุ่งหนองมีพืช ปลา สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ค่างแว่นถิ่นใต้ เลียงผา นก ซึ่งมีทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพมากมายถึงกว่า 300 ชนิด เป็นระบบนิเวศแห่งพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่สมบูรณ์และมีความสำคัญในระดับประเทศ  
อุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด

          ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของกิ่งอำเภอสามร้อยยอด ตามตำนานเล่าว่าเดิมเคยเป็นทะเลที่มีเกาะแก่งมากมาย เรือสำเภาจีนเดินทางค้าขายผ่านมาและเกิดอัปปางลง ลูกเรือว่ายน้ำหนีขึ้นฝั่งรอดชีวิต 300 คน จึงตั้งชื่อว่า "เขาสามร้อยรอด" แล้วเพี้ยนมาเป็น "เขาสามร้อยยอด" ซึ่งพ้องกับลักษณะ 4 ภูมิประเทศ ที่เป็นเขาหินปูนมากมายนับไม่ถ้วนนั่นเอง เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรก 

          ด้วยเนื้อที่ 98 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศประกอบด้วยเทือกเขาหินปูนสลับซับซ้อน ลำคลอง และที่ราบน้ำท่วมถึง เกิดเป็นทุ่งหนองมีพืช ปลา สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ค่างแว่นถิ่นใต้ เลียงผา นก ซึ่งมีทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพมากมายถึงกว่า 300 ชนิด เป็นระบบนิเวศแห่งพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่สมบูรณ์และมีความสำคัญในระดับประเทศ  

ขอบคุณข้อมูลจาก










ภูกระดึง

ภูกระดึง

• อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อยู่ในท้องที่อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ประกอบด้วยภูเขา ที่มีธรรมชาติอันสวยสดงดงาม ที่ราบบนยอดภูกระดึงมีสังคมพืชเป็นสังคมของพืชเมืองหนาว ได้แก่ ป่าสนสองใบ ป่าสนสามใบ ป่าต้นเมเปิล (ไฟเดือนห้า) และพันธุ์ไม้ดอกที่สวยงาม เช่น กุหลาบป่า ม้าวิ่ง เอื้องคำหิน ดอกม่วนดักหงาย เป็นต้น ตลอดจนมีธรรมชาติ บรรยากาศ และทิวทัศน์ที่สวยงามหลายแห่ง มีเนื้อที่ประมาณ 348.12 ตารางกิโลเมตร หรือ 217,576.25 ไร่

ภูกระดึง



ภูกระดึง
• ลักษณะภูมิประเทศ ของภูกระดึง
• สภาพทั่วไปของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นภูเขาหินทรายที่มีพื้นที่ราบบนยอดเขากว้างใหญ่สลับกับเนินเตี้ย ๆ ยอดสูงสุดคือ ภูกุ่มข้าว สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,350 เมตร เป็นแหล่งกำเนิดของลำน้ำพอง ซึ่งหล่อเลี้ยงเขื่อนอุบลรัตน์และเขื่อนหนองหวาย ในจังหวัดขอนแก่น ยอดภูกระดึงประกอบไปด้วยป่าสนสลับป่าก่อและทุ่งหญ้า มีพันธุ์ไม้ดอก ไม้ใบ ขึ้นอยู่ทั่วไปตามบริเวณน้ำตก ลำธาร และลานหิน ซึ่งธรรมชาติได้สร้างสรรค์ไว้อย่างสวยงามยิ่ง

ภูกระดึง
• พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า บนภูกระดึง
• ป่าไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึงมีหลายชนิด เช่น ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบเขา และป่าสนเขา มีพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ได้แก่ เต็ง รัง พลวง แดง มะค่า ยมหอม มะเกลือ ตะแบก สมอ รกฟ้า พญาไม้ สนสามพันปี จำปีป่า ทะโล้ เมเปิ้ล สนสองใบ และสนสามใบ ก่อชนิดต่าง ๆ ใน ทุ่งหญ้ามีพันธุ์ไม้ดอกที่สวยงาม ออกดอกบานสะพรั่งสลับกันไปตามฤดูกาล เช่น กุหลาบป่า เทียนน้ำ มณเฑียนทอง แววมยุรา กระดุมเงิน เทียมภู ส้มแปะ เง่าน้ำทิพย์ ดาวเรืองภู หยาดน้ำค้าง และกล้วยไม้ ซึ่งบางชนิดชอบขึ้นตามลานหิน ได้แก่ ม้าวิ่ง เอื้องคำหิน ส่วนไม้พื้นล่างมีเฟิร์น มอส โดยเฉพาะ ข้าวตอกฤาษี ซึ่งเป็นมอสขนาดใหญ่สวยงามที่สุดและมีอยู่เป็นจำนวนมาก
ภูกระดึงได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุมเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศประกอบไปด้วยป่าไม้ ทุ่งหญ้าและลำธาร ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าภูกระดึงมีหลายชนิด เช่น ช้าง เสือโคร่ง หมีควาย เลียงผา เก้ง กวาง หมูป่า ชะนี บ่าง พญากระรอก หมาไน ส่วนนกชนิดต่าง ๆ ที่พบเห็นได้แก่ นกกางเขนดง นกจาบกินอกลาย นกกระทาทุ่ง นกพญาไฟใหญ่ นกขมิ้นดง และมีเต่าชนิดหนึ่งซึ่งหาได้ยาก คือ เต่าปูลู หรือ “เต่าหาง” เป็นเต่าที่หางยาว อาศัยอยู่ตามลำธารในป่าเขาระดับสูงของประเทศไทย กัมพูชา และลาว

ภูกระดึง
• แหล่งท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
• ผานกแอ่น อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 2 กิโลเมตร และห่างจากหลังแป 2.5 กิโลเมตร ผานกแอ่นเป็นลานหินเล็กๆมีสนขึ้นโดดเด่นริมหน้าผาต้นหนึ่ง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามยิ่ง มองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่งและเทือกเขา เห็นผานกเค้าได้ชัดเจน ริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นเป็นสวนหินมีดอกกุหลาบป่าขึ้นอยู่เป็นดงใหญ่ จะบานสะพรั่งเต็มต้นในเดือนมีนาคม - เมษายน
• ผาหล่มสัก อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นลานหินกว้าง และมีสนต้นหนึ่งขึ้นชิดริมผาใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปในอากาศทางทิศใต้ บริเวณผาหล่มสักนี้มองเห็นทิวทัศน์เทือกเขาสลับซับซ้อนในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ และเป็นจุดหนึ่งที่จะชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างชัดเจนที่สุด บรรดาช่างภาพ สื่อมวลชน นิยมไปถ่ายภาพ ณ จุดนี้กันมาก เพราะยามตะวันตกดินจะเกิดทัศนียภาพที่งดงามมาก
• สระแก้ว อยู่ในส่วนต้นน้ำของลำธารสวรรค์ “ธารสวรรค์” ลักษณะเป็นวังน้ำลึกขนาดไม่กว้างนัก น้ำใสมากจนมองเห็นพื้นหินขาวสะอาด ต่อจากบริเวณสระแก้วมีทางเดินชมธรรมชาติผ่านลานหินซึ่งมีดอกหรีสีม่วงอมน้ำเงินเกสรสีเหลือง ขึ้นอยู่เป็นทุ่งไปจนถึงผาน้อยนาน้อย
• สระอโนดาด เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีต้นสนขึ้นเป็นแนวแน่นขนัด ตามริมสระตอนปากธารน้ำไหลมีลานหินโผล่ขึ้นมา ยามน้ำน้อยสามารถไปนั่งเล่น ได้จากบริเวณสระอโนดาดยังมีทางเดินไปต่อบรรจบกับเส้นทางเดินเท้าสู่ถ้ำสอและถ้ำน้ำได้
• น้ำตกเพ็ญพบใหม่ เกิดจากลำธารวังกวาง น้ำตกผ่านผาหินรูปโค้ง ในหน้าหนาว ใบเมเปิ้ลที่อยู่บริเวณริมน้ำตกจะร่วงหล่นลอยไปตามผิวน้ำยามแดดสาดส่องผ่านลงมาจะเป็นสีแดงจัดตัดกับสีเขียวขจีของตะไคร่น้ำตามโขดหิน ลำธารวังกวางเป็นต้นกำเนิดน้ำตกที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่ง คือ น้ำตกโผนพบ ซึ่งตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่ โผน กิ่งเพชร นักชกแชมป์เปี้ยนโลกคนแรกของชาวไทยในฐานะเป็นผู้ค้นพบคนแรก เมื่อคราวที่ขึ้นไปซ้อมมวยให้ชินกับอากาศหนาว ก่อนเดินทางไปชกในต่างประเทศ
• น้ำตกตาดร้อง เกิดจากลำน้ำพอง ซึ่งไหลลงมาจากภูกระดึงด้านหุบเขาตะวันตกเฉียงเหนือ สองฝั่งของตาดร้องเป็นผาหินสูงชันมาก เมื่อน้ำตกผ่านผาหินกว้างที่ลดหลั่นเป็นชั้น ๆ จึงทำให้เกิดเสียงดังกึกก้อง จากบริเวณน้ำตกมองเห็นแนวภูเขาเปลือยขวางอยู่ข้างหน้าน้ำตกตาดร้องอยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 20 กิโลเมตร
• น้ำตกวังกวาง เป็นน้ำตกอยู่ใกล้กับที่พักมากที่สุดในบรรดาน้ำตกบนภูกระดึง ระยะทางเพียง 750 เมตร จากจุดเริ่มต้นตรงบริเวณบ้านพัก ลักษณะน้ำตกเป็นผาหินไม่สูงนัก ตัดขวางลำธาร ธารน้ำก็ไหลลดขึ้นลงยังวังน้ำเบื้องล่าง ซึ่งมีลักษณะคล้ายโพลงถ้ำมุดลงไปและบริเวณป่าใกล้ ๆ ก็เป็นที่อยู่อาศัยของฝูงกวางมักจะลงมากินน้ำอยู่เสมอ ๆ จึงเรียกน้ำตกอย่างน่าเอ็นดูว่า “น้ำตกวังกวาง” สูง 7 เมตร บริเวณน้ำตกมีที่กว้างขวางให้ได้นั่งพักสบาย ๆ หลายมุม
• น้ำตกถ้ำใหญ่ ห่างจากน้ำตกเพ็ญพบ ประมาณ 1 กิโลเมตร เส้นทางเดินไปสู่น้ำตกจะดูใกล้นิดเดียวสำหรับคนชอบธรรมชาติ ชมนกชมไม้ เพราะตลอดเส้นทางครอบคลุมไปด้วยป่าดิบเขาที่มีพรรณไม้ใหญ่และร่มครึ้มกว่าทุกเส้นทางน้ำตกอื่น ๆ อาจได้พบต้นส้มกุ้ง (Begonice sp.) ออกดอกเป็นสีชมพู เกสรกลางสีเหลือง ชอบขึ้นตามทางในพื้นที่สูงอย่างป่าดงดิบเขา ในเส้นทางถ้ำใหญ่นี้มีทางเดินบางช่วงที่เลียบข้างลำห้วยเล็ก ๆ มีต้นเมเปิ้ลอยู่เป็นระยะ ๆ หากช่วงต้นมกราคม เส้นทางนี้จะแดงฉานด้วยใบเมเปิ้ลที่ร่วงหล่นเกลื่อนพื้นป่า ความสวยงามของน้ำตกถ้ำใหญ่จะแปลกตาด้วยโขดหินมหึมาวางทับซ้อนไม่เป็นระเบียบ ลำธารนี้ขนาบข้างด้วยต้นเมเปิ้ล ยามเมเปิ้ลแดงล่วงหล่น ขัดสีให้ลำธารหินเขียวสวยงามมีสีสันและมีชีวิตชีวาขึ้นมามากนักเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว
• น้ำตกธารสวรรค์ จากน้ำตกถ้ำใหญ่เมื่อออกสู่ป่าสนไม่ไกลนักจะมีทางแยกบนลานหินสู่น้ำตกธารสวรรค์ ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักตามเส้นทางป่าสนผ่านลานองค์พระพุทธเมตตาเพียง 1.6 กม. เท่านั้น เป็นน้ำตกขนาดเล็ก
• น้ำตกโผนพบ เป็นหนึ่งในน้ำตกหลายจุดอันเกิดจากสายน้ำวังกวาง ห่างจากตัวน้ำตกเพ็ญพบใหม่เพียง 600 เมตรเท่านั้น ในส่วนของลำธารส่วนบนของน้ำตกโผนพบนี้ สามารถไปยืนชมตัวน้ำตกกลางลำธารซึ่งจะได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม น้ำตกมี 8 ชั้น สูงประมาณ 30 เมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงามไม่น้อยบนภูเขานี้ สำหรับชื่อ “โผนพบ” เข้าใจว่า โผน กิ่งเพชร อดีตแชมป์โลกคนแรกของไทยเป็นผู้ค้นพบเมื่อครั้งขึ้นไปซ้อมร่างกายบนภูกระดึง จึงเรียกกันง่าย ๆ ว่า “โผนพบ”
• น้ำตกพระองค์ คล้ายกับน้ำตกถ้ำใหญ่ แต่เป็นน้ำตกขนาดเล็กกว่า เกิดจากลำธารพระองค์ไหลเป็นลำธารเล็กๆ แล้วดิ่งตกลงหน้าผาที่ไม่สูงมากนักมุ่งสู่หินเบื้องล่าง ลำธารพระองค์นี้เป็นลำห้วยเล็ก ๆ ที่ไหลจากสระอโนดาด สระน้ำกลางป่าสนซึ่งไม่เคยเหือดแห้ง จึงมีน้ำไหลตลอดปี
• น้ำตกสอเหนือ เป็นน้ำตกขนาดกลาง สูง 10 เมตร ชั้นเดียว เกิดจากการพังทลายของแผ่นดินขนาดใหญ่เช่นเดียวกับน้ำตกหลายแห่ง ผาหินคล้ายน้ำตกเพ็บพบใหม่ มีสายน้ำไหลกลายเป็นบริเวณกว้าง
• น้ำตกสอใต้ อยู่ในลำธารสายเดียวกับน้ำตกสอเหนือและอยู่ไม่ไกลกันนัก เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่เกิดจากหน้าผาหินถล่มลงไป สภาพภูมิประเทศไม่ได้อำนวยให้เกิดเป็นชั้นน้ำตกเหมือนแห่งอื่น ๆ จึงอยู่นอกเหนือความนิยมของนักท่องเที่ยว
• สิ่งอำนวยความสะดวก บนภูกระดึง
อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้จัดบ้านพักและเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว
ภูกระดึง

• การเดินทาง สู่ภูกระดึง
• รถไฟ จากกรุงเทพมหานครโดยสารรถไฟไปลงที่ขอนแก่น จากนั้นโดยสารรถประจำทางสายขอนแก่น-เลย ไปยังหน้าตลาดที่ว่าการอำเภอภูกระดึง แล้วต่อรถเมล์เล็กเดินทางต่อไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นปีนเขาขึ้นยอดภู จากนั้นต้องเดินเท้าอีก 5 กิโลเมตร จึงจะถึง “หลังแป” แล้วเดินเท้าไปตามทุ่งหญ้าอีก 4 กิโลเมตร ก็จะถึงที่พักบนยอดภูกระดึงทางอุทยานฯ ได้จัดลูกหาบสัมภาระของนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนยอดภูกระดึง คิดค่าบริการเป็นกิโลกรัม
• รถประจำทาง โดยสารรถยนต์จากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) กรุงเทพมหานคร ไปลงที่ ผานกเค้า แล้วโดยสารรถประจำทางไปลงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จากนั้นก็เดินต่อขึ้นไปยอดภูกระดึง

ภูกระดึง




วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

ประเพณีสงกรานต์ ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย ซึ่งยึดถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมาแต่โบราณ และเป็นวัฒนธรรมประจำชาติที่งดงามฝังลึกอยู่ในชีวิตชาวไทย ซึ่งส่วนใหญ่นิยมกลับบ้านเพื่อไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ไปพบปะญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง รวมทั้งเล่นน้ำสงกรานต์ แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้จะไปเที่ยวสงกรานต์ 2555 ที่ไหนดี วันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวมเอาจังหวัดที่จัดงานสงกรานต์จากทั่วประเทศมาฝากกัน เริ่มที่... ที่มา:http://travel.kapook.com/view38828.html
ยามเมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี พระอาทิตย์เริ่มทอแสง สายลมแผ่วเบาพัดพริ้วสะกิดผิวพอให้เย็น เพียงแค่เบิกตามองนาฬิกา พวกเราก็รู้แล้วว่า... ได้เวลาไปท่องเที่ยว กระบี่ กันแล้ว...!! กริ้วววววววว (อาการของคนดีใจสุดๆ อิอิ) กระบี่ เมืองชายทะเลในฝัน งดงามด้วยหาดทรายขาว น้ำทะเลใส ปะการังสวย ถ้ำโตรกชะโงกผา และหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 100 เกาะ รวมกันเป็นมนต์เสน่ห์ที่สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน..."กระบี่" เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอันดามัน อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 814 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 4,708 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยภูเขา ที่ดอน ที่ราบ หมู่เกาะน้อยใหญ่ อุดมไปด้วยป่าชายเลน ตัวเมืองกระบี่มีแม่น้ำยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ไหลผ่านลงสู่ทะเลอันดามันที่ตำบลปากน้ำ นอกจากนี้ ยังมีคลองปกาสัย คลองกระบี่ใหญ่ และคลองกระบี่น้อย มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกระบี่ คือ เทือกเขาพนมเบญจา จากหลักฐานทางโบราณคดี สันนิษฐานได้ว่า บริเวณเมืองกระบี่เคยเป็นแหล่งชุมชนโบราณที่เก่าแก่มากแห่งหนึ่งในประเทศไทย ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์และต่อเนื่องมาจนถึงสมัยประวัติศาสตร์ กล่าวกันว่าดินแดนนี้แต่เดิมคือ เมืองบันไทยสมอ 1 ใน 12 เมืองนักษัตรที่ใช้ตราลิงเป็นตราประจำเมือง ขึ้นกับอาณาจักรนครศรีธรรมราช และยังมีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับชื่อเมืองกระบี่ว่า อาจมาจากความหมายที่แปลว่า "ดาบ" เนื่องจากมีตำนานเล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับการขุดพบมีดดาบโบราณก่อนที่จะสร้างเมือง (โห... นับว่าเป็นความรู้รอบตัวที่น่ารู้มากๆ เลยนะเนี่ย) ที่มา:http://travel.kapook.com/view913.html
"ตลาดท่านา" ตลาดโบราณริมน้ำที่ยังคงกลิ่นไอของวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม และบ้านเรือนไม้เก่าแบบโบราณ เคียงคู่กับผู้คนที่หมุนเวียนจากรุ่นสู่รุ่น รวมทั้งร้านค้าต่าง ๆ ที่ยังคงความงดงามของสถาปัตยกรรมและเฟอร์นิเจอร์ภายในควบคู่กับวิถีการทำมาค้าขายในชีวิตประจำวันของคนในชุมชนร่วมกันได้อย่างเหมาะสมลงตัว จุดแรกที่สะดุดตามากที่สุดก็คือ ร้านขายของเล่นโบราณ บ้านไม้สองชั้นอายุกว่า 100 ปี สถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า เดินเข้าไปในร้านก็จะเจอของเล่นทั้งเก่าและใหม่ผสมกันอยู่ให้ได้ตื่นตาตื่นใจ ขนาดโต ๆ แล้ว ยังแอบซื้อของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่จำได้ว่าสมัยเด็ก ๆ เคยได้เล่น แถมยังได้พูดคุยกับเจ้าของบ้าน เพราะคุณป้าเรียกให้ฉันเข้าไปในตัวบ้าน ชี้ขึ้นไปบริเวณคานไม้ด้านบนของบ้าน แล้วบอกว่านี่เป็นการสร้างบ้านแบบโบราณ คานไม้ของที่นี่สร้างไม่เหมือนใคร และมันยังแข็งแรงอยู่แบบนี้มารุ่นสู่รุ่น คุณป้ายังคงเชิญชวนให้เข้าไปดูของเล่นหลากหลายในบ้านหลังนี้อย่างมีไมตรีจิต คุณป้าบอกว่าไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร ให้เข้ามาดูได้ นี่แหละน้ำใจคนไทย รอยยิ้มของคนไทย ที่ไปแห่งหนใดในเมืองไทย ฉันเชื่อว่ายังไงก็ต้องพบเจอ ทั้งนี้ ตลาดท่านา หรือ ตลาดนครชัยศรี อยู่ในตำบลนครชัยศรี อำเภอนครชัยศรี เป็นตลาดโบราณย่านชุมชนริมน้ำที่น่าท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครปฐม เปิดค้าขายมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นับเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่มีสถาปัตยกรรมการก่อสร้างที่เก่าแก่และหาดูได้ยาก และอยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จึงทำให้ตลาดแห่งนี้มีการพัฒนาเชิงอนุรักษ์ ด้วยรูปแบบอาคารร้านตลาดสร้างด้วยไม้ซึ่งยังคงกลิ่นอายแบบดั้งเดิมเหมือนเมื่อ 70 กว่าปีที่ผ่านมา ตลาดท่านา เป็นแหล่งร้านอาหารริมน้ำและย่านจำหน่ายของกินอร่อย ๆ มากมาย อาทิ เป็ดพะโล้ ขนมปังเย็น ปลากริมไข่เต่า บัวลอย รวมถึงผลไม้มากมายโดยเฉพาะ ส้มโอนครชัยศรี นอกจากนี้ ยังมี "ศาลอาม่า" นอกจากจะเป็นศาลเจ้าเพื่อให้ประชาชนมากราบไหว้แล้ว ยังเปิดสอนภาษาจีนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ที่มา:http://travel.kapook.com/view38121.html
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก่อนจะผ่านด่านของอุทยานฯ เข้าไป สิ่งแรกที่ควรจะทำก็คือการแวะกราบนมัสการ เจ้าพ่อเขาใหญ่ กันเสียก่อน เพื่อเป็นสิริมงคลในการมาเยือนถิ่นนี้ สำหรับเจ้าพ่อเขาใหญ่นั้น ท่านมีตัวตนจริง เคยเป็นบุคคลที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้มาก่อน เดิมท่านชื่อ นายจ่าง นิสัยสัตย์ รับราชการเป็นปลัดกองทัพไทย เมื่อเสร็จศึกสงครามท่านมักจะออกเยี่ยมเยือนลูกน้องเก่าของท่าน เมื่อท่านทราบว่าลูกน้องเก่าของท่านไปตั้งตัวเป็นโจรบนเขาใหญ่และถางป่าบนเขาใหญ่จนเตียนโล่ง ก็เสียใจมาก ท่านจึงขอร้องให้ลูกน้องท่านเลิกและอพยพมาอยู่ข้างล่าง แต่ก็มีกลุ่มโจรกลุ่มหนึ่งไม่ยอมเชื่อ เมื่อตกลงกันไม่ได้ จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น ปรากฏว่าหัวหน้าโจรกลุ่มนั้นถูกยิงเสียชีวิต ท่านจึงเป็นบุคคลที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นท่านมีจิตใจโอบอ้อมให้ความช่วยเหลือชาวบ้านทุก ๆ ด้าน ต่อมาท่านได้จบชีวิตลงด้วยไข่ป่า ด้วยวัย 75 ปี ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันตั้งศาลเพียงตาไว้ที่ในบริเวณวัดหนองเคียม จังหวัดนครนายก เรียกว่า "ศาลเจ้าพ่อปลัดจ่าง" ต่อมาหลังจากที่รัฐบาล ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้จัดตั้งให้ป่าเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติ ได้เกิดนิมิตรถึงเจ้าผู้คุ้มครองสรรพสัตว์และผืนป่า จึงได้มีการจัดตั้งศาลเจ้าพ่อขึ้นที่บริเวณกิโลเมตรที่ 23 ถนนธนะรัชต์ และได้อัญเชิญดวงวิญญาณของท่านมาสถิตย์ไว้ แล้วขนานนามว่า "ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่" นักท่องเที่ยวที่แวะกราบไหว้อธิษฐานขอโชคลาภ และให้การเดินทางเป็นไปอย่างปลอดภัย ท่านก็มักจะเมตตาให้สมความปรารถนาอยู่เสมอ เมื่อนมัสการเจ้าพ่อเขาใหญ่ และผ่านด่านเข้ามาแล้ว เราควรแวะไปที่สำนักงานของอุทยานเสียก่อน เพื่อดูว่ามีแผนกใดบ้างที่เราต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลที่น่าสนใจว่าเราจะทำกิจกรรมใดบ้างที่นี่ หรือศึกษาเส้นทางไปสู่จุดเที่ยวชมต่าง ๆ เช่น หน่วยกู้ภัย ศูนย์ปฎิบัติการบิน ฝ่ายวิชาการ ( พืชพรรณสัตว์ป่าและอากาศ ) ฝ่ายนันทนาการและบ้านพัก ร้านจำหน่ายของที่ระลึก หน่วยงานบริการพาส่องสัตว์ สำนักงานจองที่พักกางเต๊นท์ ฯลฯ
สำหรับเราเลือกที่จะแวะชม น้ำตกเหวสุวัต โดยขับผ่านศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมาประมาณ 200 เมตร ก็จะพบกับ อ่างเก็บน้ำสายศร ซึ่งเป็นแหล่งเก็บน้ำ เพื่อใช้ภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สำหรับทั้งบ้านพักเจ้าหน้าที่และบ้านพักนักท่องเที่ยว และยังเป็นแหล่งน้ำสำหรับสัตว์ป่าด้วย บริเวณสันอ่างเก็บน้ำจะมีทางเดิน ไปออกที่หอดูสัตว์หนองผักชีได้ โดยต้องติดต่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามานำทาง เพราะทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินเอง เนื่องจากสภาพพื้นที่ป่าเป็นป่าทึบมีโอกาสหลงทางได้ง่าย อ่างเก็บน้ำสายศร ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่ดีจุดหนึ่งในอุทยานฯ เพราะพระอาทิตย์จะตกหลังแนวเขาพอดี ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจมาก ในระหว่างทางที่เราขับรถไปเที่ยวยังน้ำตกเหวสุวัต ก็อาจจะเห็นกวาง ช้าง หรือ ลิง ลงมากินน้ำหรือหาอาหารบ้าง แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถพอสมควรเพราะทางค่อนข้างลดเลี้ยวและชันบ้างในบางช่วง โดยจุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้คือ น้ำตกเหวสุวัต เป็นน้ำตกแห่งหนึ่งที่สวยงามของอุทยานฯ เขาใหญ่ โดยเกิดจากห้วยลำตะคองไหลตกผ่านหน้าผาสูงราว 25 เมตร และมีแอ่งน้ำทางด้านล่าง ทางอุทยานฯ ห้ามลงเล่นน้ำ เนื่องจากกลัวอันตรายจากน้ำป่าไหลหลากเฉียบพลัน หากมาในฤดูน้ำน้อย จะสามารถเดินลัดเลาะเพื่อเข้าไปยังโพรงถ้ำเล็ก ๆ ใต้หน้าผาน้ำตกได้ สำหรับห้วยลำตะคองนี้ หลังจากผ่านน้ำตกเหวสุวัตแล้ว ยังมีน้ำตกเหวไทรและน้ำตกเหวประทุนที่อยู่ลึกเข้าไปอีก แต่จะต้องเดินผ่านป่าลึกฝ่าดงทากเข้าไป ควรมีเจ้าหน้าที่นำทางไปด้วยเนื่องจากในป่าลึกนั้นเส้นทางไม่ชัดเจน อาจพลัดหลงได้ง่าย ที่มา:http://travel.kapook.com/view37778.html
ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม เป็นตลาดน้ำในบรรยากาศรัตนโกสินทร์ย้อนยุค สมัยรัชกาลที่ 6 ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์หัวหิน ที่เน้นโทนสีขาวและแดง คล้าย ๆ สถานีรถไฟหัวหิน ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ มีร้านค้าทั้งหมด 193 ร้าน และเรือขายสินค้า 40 ลำ อีกทั้งตลาดยังถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขา และติดแหล่งน้ำธรรมชาติอย่าง "ลำห้วยสามพันนาม" จึงทำให้มีบรรยากาศเย็นสบาย ร่มรื่น เป็นธรรมชาติในแบบที่ไม่ต้องปรุงแต่งมากนัก แถมยังมีการแสดง โชว์แสง สี เสียง อันตระการตาให้ชมทุกวัน...ว้าว! นอกจากนี้ ยังมีรถไฟเล็กและเรือโดยสารคอยให้บริการนำชมตลาดน้ำหัวหินสามพันนามแบบชิลล์ ๆ เพียงคนละ 20 บาท อะ ๆ ยังไม่หมดเพียงนั้น ที่นี่ยังมีสถานที่ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจ นั่งรับประทานอาหารกลางวัน และชมการแสดงกลางน้ำเพลิน ๆ มากมาย หรือใครอยากควงแฟนไปสวีต หามุมส่วนตัวเพิ่มความหวานก็ต้องไปปั่นเรือถีบ ใครอยากเป็นนางแบบ เค้าก็มีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ แนว ๆ ให้ได้โพสต์ท่ากันเพียบ และอย่าลืมแวะไปชมความน่ารักน่าชังของน้องแพะ รวมถึงให้นมเค้าด้วยนะ ในส่วนของอาหารการกิน ที่ตลาดน้ำหัวหินสามพันนามที่ทั้งอาหารคาวหวานให้เลือกชิม เลือกรับประทานมากมาย เช่น ก๋วยเตี๋ยว, ส้มตำ ไก่ย่าง, ซีฟู้ด, อาหารตามสั่ง, กาแฟสูตรโบราณ, ไอศกรีม และขนมไทยต่าง ๆ ฯลฯ โดยจะนั่งที่ซุ้มมุงจากซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำ หรือเดินไปที่โซนขายอาหารตรงศาลาที่มีเรือมาขายสินค้า พร้อมกับนั่งรับประทานที่โต๊ะญี่ปุ่นเล็ก ๆ มีเสื่อปูให้นั่งสบาย ๆ ก็ได้ สำหรับของช้อปปิ้งของคุณสาว ๆ ก็มีให้เลือกเยอะไม่แพ้กัน ทั้งเสื้อผ้า, รองเท้า, กระเป๋า, โปสการ์ดดีไซน์แจ่ม, พวงกุญแจ, แก้วน้ำ, ของเล่นโบราณ, ของที่ระลึกต่าง ๆ รวมถึงสินค้าแฮนเมดที่ไม่เหมือนใคร รับรองว่าคุณจะได้ซื้อของติดไม้ติดมือกลับบ้านไปแน่นอน ^^ ที่มา:http://travel.kapook.com/view38282.html